แต่หากร่างกายขาดสารไฮยาลูรอนิคแล้ว ผิวหนังของเราก็จะขาดความชุ่มชื้น ผิวแห้งลง ผิวบางลง รวมไปถึงเกิดริ้วรอยได้ง่ายอีกด้วย อีกทั้งยังมีการทำงานเกี่ยวข้องกับกระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนในร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไปร่างกายคนเราจะมีการเสื่อมลงของผิวหนังและระบบการทำงานของร่างกาย เมื่ออายุ 20-25 ปี เฉลี่ยปีละ 1% เลยทีเดียว เพราะฉะนั้น สารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) จึงเป็นสารที่สามารถใช้ทดแทนในส่วนที่ร่างกายผลิตได้น้อยลง เพื่อคงความแข็งแรงของผิว ให้ผิวยืดหยุ่นและเต่งตึงแบบโกงอายุกันได้เลยทีเดียว
ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละประเภทก็จะเหมาะกับการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งทุกวันนี้ยี่ห้อฟิลเลอร์ ที่ผ่าน อย. ในประเทศไทย (อัปเดตล่าสุด) จำเป็นต้องสารเต็มเต็มชนิด Hyaluronic acid (HA) เท่านั้น
Juvederm Filler
Juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่ได้รับความนิยมจากแพทย์ทั่วโลกในการนำมาใช้ปรับรูปหน้า ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Allergan ที่เป็นผู้นำด้านเวชศาสตร์ความงามจากประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านการรับรองจาก US FDA และ อย. ประเทศไทย และนำเข้าโดย บริษัท Allergan ประเทศไทย โดยใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต คือ (Hylacross Technology และ Vycross Technology)
ซึ่งในไลน์ของ Juvederm นั้นมีทั้งหมด 7 รุ่น แต่รุ่นที่ได้รับความนิยมและติดตลาดอย่างมากในปัจจุบันมีด้วยกันอยู่ 2 รุ่น คือ
1. Juvederm Voluma : ลักษณะเนื้อของฟิลเลอร์รุ่นนี้มีลักษณะของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่แข็งและมีความหนาแน่นสูง อิ่มฟูปานกลาง ที่สำคัญคือถูกออกแบบมาสำหรับฉีดบริเวณแก้ม ร่องแก้ม คาง นอกจากนั้นยังสามารถฉีดได้ในบริเวณขมับกับริมฝีปากเพื่อความอิ่มฟู รวมถึงใต้ตาเพื่อช่วยเรื่องการยุบตัวของกระดูกได้อีกด้วย โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานมากถึง 18 เดือน
2. Juvederm Volift : เป็นรุ่นที่ออกแบบให้มีลักษณะของเนื้อฟิลเลอร์ที่เนียนละเอียด นิ่ม มีความยืดหยุ่น ไม่เป็นก้อน ให้ผลลัพธ์หลังฉีดที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการฉีดในบริเวณแก้ม ร่องแก้ม ใต้ตา และริมฝีปาก ซึ่งผลลัพธ์หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไข้แต่ละคน
Hyabell Filler
Hyabell อีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ยอดนิยมสัญชาติเยอรมัน ที่มีความปลอดภัยสูงและได้รับการรับรองจาก CE ในยุโรปตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งในปัจจุบันมีการจำหน่ายและใช้กันอย่างแพร่หลายไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทยได้ถูกนำเข้าและจัดจำหน่ายอย่างถูกต้องโดยบริษัท KNA Interpharma แห่งประเทศไทย
ฟิลเลอร์ Hyabell มีกี่รุ่น ฉีดบริเวณไหน
ฟิลเลอร์ Hyabell ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ประเทศไทย และมีจัดจำหน่ายอยู่อย่างถูกต้องในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น
1. Hyabell Lips
2. Hyabell Basic
3. Hyabell Deep
4. Hyabell Ultra
Restylane Filler
Restylane เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์กลุ่มสารเติมเต็มกลุ่ม ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) จากประเทศสวีเดน ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ทั่วโลก และผ่านการรับรองมาตรฐาน FDA จากสหรัฐอเมริกา อีกทั้ง Restylane ยังเป็นฟิลเลอร์ที่เริ่มผลิตมาได้ยาวนานที่สุดในโลกและยังคงความนิยมมาได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่ง Restylane เป็นของบริษัท Galderma บริษัทยาเจ้าใหญ่ในประเทศสวีเดน โดยในปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านการผลิตของฟิลเลอร์ Restylane ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีเทคโนโลยีที่เอกสิทธิ์เฉพาะของฟิลเลอร์ Restylane อยู่ 2 เทคโนโลยีด้วยกัน คือ NASHA technology และ OBT technology
ฟิลเลอร์ Restylan รุ่นที่เป็นนิยมใช้ในการเติมเต็ม มีด้วยกัน 3 รุ่น
ทั้งนี้รุ่นของฟิลเลอร์ที่ใช้จะเป็นรุ่นไหน ปริมาณเท่าไร แพทย์เจ้าของไข้จะเป็นผู้ประเมิน เลือกรุ่นที่มีประสบการณ์และสามารถตอบโจทย์ต่อปัญหาของคนไข้ได้ โดยเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่มีขนาดโมเลกุล ให้เหมาะกับตำแหน่งและสภาพผิวของคนไข้แต่ละคน
E.p.t.q Filler
e.p.t.q เป็น ฟิลเลอร์ที่กำลังเป็นนิยมอย่างมากในปัจจุบัน และนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยและราคาถูกเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นๆ ในท้องตลาด ซึ่ง e.p.t.q เป็นแบรนด์ฟิลเลอร์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีการเริ่มจำหน่ายและผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ตั้งแต่ปี 2017 และจำหน่ายไปแล้วกว่าล้านกล่องทั่วโลก
e.p.t.q. ย่อมาจาก
E : Efficiency ประสิทธิภาพ
P : Potential ศักยภาพ
T : Technology เทคโนโลยีที่ทันสมัย
และ Q : Quality Efficiency ที่มีความหมายว่า คุณภาพที่ยอดเยี่ยม
ซึ่งให้ความโดยรวมว่า e.p.t.q ฟิลเลอร์มีประสิทธิภาพสูง ที่มีความเข้มข้นของ กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid : HA) อยู่ที่ 24 mg/ml (มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ในทุกรุ่น ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น ๆ ในท้องตลาด และยังเป็นฟิลเลอร์ที่มีสารพิษตกค้างน้อย โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้ได้เนื้อฟิลเลอร์คุณภาพดี โมเลกุลเล็กละเอียด ยืดหยุ่น และยึดเกาะผิวได้ดี และถูกควบคุมการผลิตด้วยมาตรฐานระดับสากลทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มีทั้งความหนืดและความยืดหยุ่น (Viscoelasticity) คงคุณภาพได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้ยังสามารถให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างเป็นธรรมชาติ
จุดเด่นที่ให้ e.p.t.q. สามารถติดตลาดและได้รับความนิยมได้ คือ ความปลอดภัยและมีราคาที่เข้าถึงง่าย ควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวดโดยผ่านมาตรฐานภายใต้การรับรองของ EP (European Pharmacopoeia) จึงสามารถรับรองได้เลยว่าผลิตด้วยส่วนประกอบที่ปลอดภัย ได้กรดไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ที่บริสุทธิ์มาก ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างดี ไร้สารเคมีตกค้าง มีค่า pH ที่เหมือนกับผิวหนังของมนุษย์ จากทั้งหมดที่กล่าวมาจึงทำให้ e.p.t.q. เป็นอีกหนึ่้งยี่ห้อฟิลเลอร์ที่กำลังมาแรงอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังใส่ใจในเรื่องของค่า BDDE อีกด้วย แล้วค่า BDDE คืออะไรล่ะ? ค่า BDDE หรือ (1,4-Butanediol diglycidyl ether) คือ สารที่ทำให้ฟิลเลอร์เกิดพันธะ หรือที่เรียกกันว่า คอสลิงค์ (Cross Linking) ยิ่งมีพันธะมากก็จะยิ่งคงรูปได้ดีตามไปด้วย ทำให้เนื้อฟิลเลอร์สลายช้า สามารถคงผลลัพธืได้ยาวนานยิ่งขึ้นกว่าเดิมเพราะรูปแบบของพันธะที่แน่นหนาผลต่อความฟู ความหนืด และความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์ด้วยเช่นกัน
ซึ่งในฟิลเลอร์ที่ต้องเน้นการคงรูป ยิ่งมีพันธะเหล่านี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีเพราะถ้ายิ่งเติม BDDE มากก็จะยิ่งมีพันธะมากตาม แต่การเติมสาร BDDE ที่มากเกินไปมีข้อเสียอยู่ เพราะอาจส่งผลให้เกิดการแพ้ได้ง่าย เนื่องอาจจะมี BDDE ที่ไม่สามารถจับกับ กรดไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) ได้อยู่และเมื่อจับพันธะไม่ได้ก็ทำให้มีสาร BDDE ตกค้างอยู่ในฟิลเลอร์ได้มากและนั่นเองที่จะนำไปสู่สาเหตุของอาการแพ้ต่าง ๆ ที่ตามมา
โดยฟิลเลอร์ e.p.t.q จะมีเนื้อผลิตภัณฑ์ให้เลือกใช้ได้ทั้งหมด 3 แบบ ด้วยกัน ได้แก่ e.p.t.q. S 100, e.p.t.q. S 300, และ e.p.t.q. S 500
โดยรุ่นของฟิลเลอร์ e.p.t.q. ทั้งหมดที่กล่าวมา ไม่ว่าจะเป็น e.p.t.q. S 100, e.p.t.q. S 300 หรือ e.p.t.q. S 500 จะมีรุ่นที่แยกย่อยออกไปอีก 2 รุ่น คือ รุ่นธรรมดาที่ปราศจาก ลิโดเคน (Lidocaine) หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่ายาชา และอีกหนึ่งรุ่นที่จะมีส่วนประกอบของ ลิโดเคน (Lidocaine) หรือยาชา ปริมาณ 0.3% นั่นเอง
Neuramis Filler
Neuramis เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อฟิลเลอร์ดังสัญชาติเกาหลีใต้ ที่กำลังได้รับความนิยมไม่ต่างจากยี่ห้อ e.p.t.q. และแพร่หลายไปทั่วโลกเช่นเดียวกัน ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ และราคาที่เข้าถึงง่าย หลาย ๆ คนจึงนิยมใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis มาฉีดเพื่อเติมเต็มใบหน้าให้ดูอิ่มฟู ได้สัดส่วนมากขึ้นแถมยังช่วยลดริ้วรอยให้กับใบหน้าได้อีกด้วย เพราะเหตุนี้ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis จึงเป็นอีกหนึ่งนี่ห้อฟิลเลอร์ยอดนิยมที่เป็นทางเลือกให้กับผู้ที่อยากปรับรูปหน้าและต้องการความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศไทย (THFDA) สหรัฐอเมริกา (USDFA) และ คณะกรรมการยุโรปสำหรับคุณภาพของยาและการดูแลสุขภาพ (EDQM) ซึ่งถูกนำเข้าโดยบริษัท Medyceles ประเทศไทย
ปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neuramis มีด้วยกัน 3 รุ่น ซึ่งได้รับมาตรฐานการรับรองจากทั้ง KFDA จากเกาหลี, U.S.FDA จากสหรัฐอเมริกา EDQM จากยุโรป รวมถึง อย.ของประเทศไทยด้วย (อัปเดตปี 2565)
โดยทั้งสองรุ่นที่กล่าวมามีระยะเวลาการสลายตัวอยู่ที่ราว 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไข้แต่ละคน
ทั้งนี้จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าว การเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนและปริมาณเท่าไหร่นั่นถึงจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างเห็นผลและชัดเจนที่สุดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวินัจฉัยของแพทย์เจ้าของไข้รวมถึงเทคนิคและประสบการณ์ของแพทย์ท่านนั้น ๆด้วย เพราะฉะนั้นการเข้าปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษาจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
ขั้นตอนการฉีด
การดูดไขมันไม่เป็นอันตรายและไม่น่ากลัวอย่างที่คิด สำหรับผู้ที่สนใจดูดไขมัน แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ ลา เฟอร์ลี่ คลินิก ให้ข้อมูล รวมถึงคำแนะนำต่าง ๆ อย่างละเอียด เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคนไข้ ก่อนตัดสินใจดูดไขมัน