เมื่ออายุของเรามากขึ้น ร่างกายย่อมเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะความเต่งตึงของผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยลงตามกาลเวลา ซึ่งสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ร่างกายผลิตกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ได้น้อยลง จึงส่งผลให้การสร้างคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) ซึ่งทำหน้าที่ฟื้นฟูซ่อมแซมเซลล์ผิวและช่วยพยุงความยืดหยุ่นมีประสิทธิภาพลดลงกว่าแต่ก่อน ส่งผลให้ผิวหน้าค่อย ๆ เข้าสู่ภาวะเสื่อมสภาพ (Aging) และนำมาซึ่งริ้วรอยเหี่ยวย่นที่เห็นได้ชัดเจนขึ้น
ด้วยเหตุนี้เอง โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกยอดนิยม ที่ช่วยฟื้นคืนภาพลักษณ์อ่อนวัยให้กลับมาอีกครั้ง
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Filler) คือการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ชั้นผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหาผิว โดยเฉพาะริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ฉีดใต้ตาเพื่อลดรอยดำหรือร่องลึก เติมร่องแก้มและร่องน้ำตาให้ตื้นขึ้น รวมถึงการปรับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเรียบเนียนและเต่งตึงอีกครั้ง
อย่างที่ทราบกันว่า ริ้วรอยเหล่านี้เกิดจากการที่ชั้นผิวสูญเสียคอลลาเจนและไขมันตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลจากความเสื่อมสภาพและการแก่ตัวลง (Aging) ของร่างกาย ทำให้ผิวที่เคยอิ่มฟูเต่งตึงกลายเป็นหย่อนคล้อย และก่อเกิดริ้วรอยร่องลึก ดังนั้น การฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ชั้นผิวจึงเป็นวิธีช่วยเติมเต็มส่วนที่หายไป
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ช่วยอะไร ?
โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้ เนื่องจากมีส่วนประกอบสำคัญคือกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเลียนแบบสารตามธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกาย โดยสารนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการอุ้มน้ำและคงความชุ่มชื้น เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจึงเห็นผลลัพธ์ได้ทันที
นอกจากการแก้ปัญหาริ้วรอยแล้ว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ยังสามารถปรับแต่งรูปหน้าให้สมดุลมากขึ้นได้ เช่น การเติมคางให้ดูเรียว การเติมริมฝีปากให้อวบอิ่ม หรือการเสริมโหนกแก้มให้กระชับ จึงเป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความอ่อนวัยและการปรับสมดุลใบหน้าให้สมส่วนได้รูปตามต้องการ

โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดบริเวณไหนบนหน้าได้บ้าง ?
โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ เป็นวิธีการใช้สารเติมเต็ม (Filler) ฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังหรือใต้ผิวหนัง เพื่อเติมเต็มร่องลึก รอยเหี่ยวย่น หรือปรับรูปทรงใบหน้าให้แลดูสมส่วน ซึ่งครอบคลุมบริเวณต่าง ๆ เช่น
- ใต้ตา : เพื่อลดถุงใต้ตา และรอยคล้ำ
- หัวคิ้ว : เพื่อลดรอยย่นระหว่างคิ้ว ให้ดูฟูเต็มอิ่มขึ้น
- หางตา : เพื่อลดริ้วรอยบริเวณหางตา และเติมเต็มผิวรอบดวงตาให้ดูอิ่มฟู
- กราม : เพื่อยกกระชับกรอบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- ร่องแก้ม : เพื่อเติมเต็มร่องแก้มให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น
- จมูก : เพื่อปรับรูปทรงจมูกให้ดูโด่งและสวยขึ้น
- คาง : เพื่อเติมเต็มคางให้ดูเรียวยาวขึ้น
- ริมฝีปาก : เพื่อเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มขึ้น
- หน้าผาก : เพื่อเติมเต็มหน้าผากให้ดูเต็มขึ้น
- ขมับ : เพื่อให้รูปหน้าโดยรวมสมดุลและมีมิติ
อย่างไรก็ดี การฉีดสารเติมเต็มให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ชนิด ยี่ห้อ ปริมาณของสารเติมเต็ม เทคนิคการฉีดของแพทย์ ไปจนถึงการดูแลตัวเองหลังเข้าทำหัตถการ
โปรแกรมฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องฉีดบ่อยหรือไม่ ?
โดยทั่วไป สารเติมเต็มที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- สภาพผิวดั้งเดิมของแต่ละบุคคล
- ยี่ห้อและคุณภาพที่ใช้
- ปริมาณที่ฉีด
- ระบบเผาผลาญของร่างกายซึ่งแตกต่างกันในแต่ละคน
เมื่อสารเติมเต็มเริ่มสลายไป คุณสามารถเติมใหม่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้สารสลายหมดก่อนการฉีดครั้งใหม่ เพราะการฉีดเติมเป็นระยะจะช่วยรักษาผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอและอาจช่วยลดปริมาณที่ต้องใช้ในแต่ละครั้งได้อีกด้วย
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?
สารเติมเต็มที่ผ่านการรับรองจากองค์กรด้านสุขภาพ เช่น อย. (องค์การอาหารและยา) ของไทย หรือ FDA (Food and Drug Administration) ของสหรัฐฯ ถือว่าไม่อันตราย อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นได้หากใช้สารเติมเต็มปลอม หรือฉีดโดยบุคคลที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์
ปัจจัยที่ทำให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เป็นอันตราย
- การฉีดสารเติมเต็มปลอม – สารเติมเต็มที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีส่วนผสมของซิลิโคนเหลว อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ การอักเสบ และผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ผิวหนังเน่า หรือเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
- ฉีดโดยผู้ที่ไม่มีใบอนุญาต – หากฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดความผิดพลาด เช่น ฉีดเข้าเส้นเลือด ทำให้เกิดเนื้อตายหรืออุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงดวงตา ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะตาบอดได้
- เลือกฉีดสารเติมเต็มผิดประเภท – สารเติมเต็มมีหลายชนิด เช่น HA (Hyaluronic Acid) และแบบถาวร (Permanent Filler) ซึ่งแบบถาวรอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงระยะยาวที่แก้ไขได้ยาก
- อาการแพ้หรือผลข้างเคียง – บางคนอาจมีอาการแพ้ เช่น บวมแดง ช้ำ หรือเกิดก้อนใต้ผิวหนัง ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นชั่วคราว แต่หากอาการรุนแรงควรรีบพบแพทย์
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเข้าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
เพื่อให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ของคุณได้ผลลัพธ์สวยงามตามต้องการ แนะนำให้เตรียมตัวดังนี้
- ศึกษาข้อมูลและเลือกคลินิกที่เชื่อถือได้ – หาข้อมูลเรื่องโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่เชื่อถือได้
- ปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษา – นัดหมายเพื่อพูดคุยกับแพทย์ล่วงหน้า เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกประเภทสารเติมเต็มที่เหมาะสมกับปัญหา
- หยุดยาและอาหารเสริมบางชนิด – งดรับประทานวิตามินอี น้ำมันปลา หรือแอสไพริน อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยฟกช้ำ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ – หลีกเลี่ยงอย่างน้อย 1-2 วันก่อนฉีด เพราะอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายและส่งผลต่อการฟื้นตัว
- ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน – ทำความสะอาดผิวหน้า และหลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือลอกผิวในช่วง 3-5 วันก่อนการฉีด
- พักผ่อนให้เพียงพอ – เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพพร้อมสำหรับการรักษาและลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียง
- ลดความเครียดและการออกกำลังหนัก – หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากหรือก่อให้เกิดความเครียดในช่วงก่อนวันฉีด

หลังเข้าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ห้ามทำอะไรบ้าง ?
หลังเข้าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันอาการบวม อักเสบ และยืดอายุของสารเติมเต็มให้อยู่ได้นานขึ้น ดังนี้
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
- ห้ามจับ กด นวด หรือคลึงบริเวณที่ฉีด – สารเติมเต็มต้องใช้เวลาปรับตัวกับเนื้อเยื่อ การกดแรง ๆ อาจทำให้สารที่ฉีดไปเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง
- งดออกกำลังกายหนัก – อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมหรืออักเสบจากการไหลเวียนเลือดที่เพิ่มขึ้น
- หลีกเลี่ยงความร้อนสูง – งดซาวน่า อบไอน้ำ หรือถูกแดดจัด เพราะความร้อนอาจทำให้สารเติมเต็มเสื่อมสภาพเร็ว
- งดแอลกอฮอล์และบุหรี่ – อย่างน้อย 2-3 วัน เพราะแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เพิ่มโอกาสช้ำและบวม ส่วนบุหรี่ลดการไหลเวียนเลือด
- งดหัตถการที่กระทบต่อผิวหน้า – เช่น เลเซอร์ ทรีตเมนต์หน้า นวดหน้า HIFU หรือ RF ประมาณ 2 สัปดาห์
- งดใช้ผลิตภัณฑ์กรดผลัดเซลล์ผิว – หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ AHA, BHA และวิตามิน A ช่วง 12 ชั่วโมงแรก
วิธีดูแลตัวเองหลังเข้าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ให้เห็นผลดีที่สุด
- ดื่มน้ำมาก ๆ – 8-16 แก้วต่อวันในช่วง 4 วันแรก เพื่อช่วยให้สารเติมเต็มอุ้มน้ำได้ดี คงรูป และอยู่ได้นานขึ้น
- ประคบเย็น – บริเวณที่ฉีดใน 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดอาการบวม
- รับประทานอาหารมีประโยชน์ – หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เพื่อลดโอกาสเกิดอาการอักเสบ
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเทคนิค Trio Perfection Filler เฉพาะที่ La Ferly Clinic เท่านั้น
โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความละเอียดแม่นยำและความชำนาญสูง โดยเฉพาะการฉีดบริเวณใต้ตา ซึ่งเป็นจุดอ่อนไหวและต้องการความประณีตเป็นพิเศษ La Ferly Clinic (ลา เฟอร์ลี่ คลินิก) โดดเด่นด้วยเทคนิคเฉพาะที่เรียกว่า Trio Perfection Filler ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่หมอคิมได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น โดยมีให้บริการเฉพาะที่ La Ferly Clinic
เทคนิคเฉพาะทางนี้เป็นการฉีดสารเติมเต็มที่เข้าถึงโครงสร้างใบหน้าอย่างครบถ้วนทั้ง 3 ชั้น ได้แก่
- ชั้นกระดูก – แพทย์จะใช้สารเติมเต็มเนื้อแข็ง ฉีดลงถึงชั้นกระดูก เพื่อเสริมความแข็งแรงของฐานโครงสร้าง แก้ไขปัญหากระดูกทรุด และช่วยซัปพอร์ตเส้นเอ็นใต้ดวงตาให้แข็งแรง
- ไขมันชั้นลึก – ใช้สารเติมเต็มเนื้อแข็งปานกลาง ฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันลึก เพื่อเสริม Volume ให้บริเวณใต้ตาดูอิ่มฟูและมีมิติมากขึ้น
- ไขมันชั้นตื้น – ฉีดสารเติมเต็มเนื้อบางเบาที่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อแก้ไขร่องน้ำตาและปรับริ้วรอยต่าง ๆ ให้เรียบเนียนยิ่งขึ้น
ด้วยเทคนิคนี้ จึงสามารถลดปัญหาใต้ตาได้อย่างครอบคลุม ทั้งปัญหาใต้ตาคล้ำ ริ้วรอยที่ทำให้ดูหมองโทรม เบ้าตาลึก ตาโหลที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น (ซึ่งสามารถพบได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป) รวมถึงถุงใต้ตาที่หย่อนคล้อยอันเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้สายตาทำงานหนักเกินไป

La Ferly Clinic เติมเต็มร่องลึก คืนความเรียบเนียนให้ผิว ด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะกับคุณ
มองหาคลินิกเสริมความงามมาตรฐานกึ่งโรงพยาบาลที่โดดเด่นด้านโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์และหัตถการความงาม La Ferly Clinic พร้อมให้บริการด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด มุ่งมั่นมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ติดต่อเพื่อปรึกษาและวางแผนการดูแลความงามในแบบเฉพาะของคุณได้ที่ LINE: @Laferlyclinic หรือโทร. 064-695-9555
ที่มาข้อมูล
Face and lip fillers (dermal fillers)

นพ.กิตติธัช สินพิพัฒน์พร (คุณหมอคิม) แพทย์เฉพาะทางด้านการปรับรูปหน้าด้วยไขมัน สำเร็จการศึกษาด้านตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับการอบรมเทคนิคดูดและเติมไขมันจากสถาบันที่มีชื่อเสียงในเกาหลีโดยตรง พร้อมมีประสบการณ์เฉพาะด้านในการออกแบบสัดส่วนเฉพาะบุคคล รวมถึงการปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ เพื่อมุ่งเน้นผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด