โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ตามธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำและเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง โดยจะใช้ร่วมกับเทคนิคการฉีด เพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ มีถุงใต้ตา รวมถึงความหย่อนคล้อยในบริเวณดังกล่าว ภายใต้การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และดำเนินการฉีดโดยแพทย์เท่านั้น
บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่บอบบางและแสดงอายุได้ชัดเจน โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาเฉพาะจุด เช่น ใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก หรือมีถุงใต้ตาหย่อนคล้อย ซึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรมหรือวัยที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถแก้ไขได้อย่างตรงจุดผ่านการประเมินจากแพทย์ เพื่อให้ทราบปริมาณ เนื้อฟิลเลอร์ และตำแหน่งการฉีดที่เหมาะสม จนนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
ใต้ตาคล้ำ สามารถเกิดจากโครงสร้างกระดูกใต้ตาลึก หรือผิวหนังที่บางจนเห็นเส้นเลือดชัดเจน การเติมสารจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้ผิวเรียบเสมอ ลดการสะท้อนแสงและความเข้มของขอบตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันบริเวณใต้ตาลดลง ทำให้เกิดเบ้าตาลึก ดูโทรมแม้จะพักผ่อนเพียงพอ โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยคืนความอิ่มฟูให้ใต้ตาดูเต็มและดูสดชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
ถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า และแก่กว่าวัย หากถุงใต้ตามีขนาดไม่ใหญ่มาก โปรแกรมการเติมฟิลเลอร์บริเวณร่องน้ำตาจะช่วยปรับความต่างระดับระหว่างถุงกับผิวใต้ตา ทำให้ถุงดูจางลงและเรียบเนียนขึ้น
ริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อหรือผิวที่สูญเสียความชุ่มชื้น สารฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยจางลง ทำให้ใต้ตาดูอ่อนวัยและสุขภาพดี
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่ปลอดภัย ควรทำโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและใช้เทคนิคเข็มทู่ (Blunt Cannula) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการโดนเส้นเลือดหรือเกิดรอยช้ำ โดยแพทย์จะวิเคราะห์ตำแหน่งแนวกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และชั้นไขมันใต้ตาอย่างละเอียด เพื่อวางแผนและทำการฉีดในระดับความลึกที่เหมาะสมที่สุด
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือเป็นหัตถการที่มีการดูแลให้ปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางด้านการปรับรูปหน้าที่เข้าใจโครงสร้างทางกายวิภาคบริเวณรอบดวงตาเป็นอย่างดี โดยต้องผ่านการประเมินปัญหาใต้ตาและโครงสร้างผิวอย่างละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง พร้อมเลือกใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อย่างถูกต้อง และใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาเฉพาะบุคคล
แม้ว่าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะเรียกได้ว่าไม่เป็นอันตราย แต่ก็มีความเสี่ยงหากทำโดยผู้ไม่มีประสบการณ์ เนื่องจากบริเวณรอบดวงตาเป็นพื้นที่ที่มีเส้นเลือดและเนื้อเยื่ออ่อนจำนวนมาก การเตรียมตัวที่ถูกต้อง และเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและดูเป็นธรรมชาติ
โดยทั่วไปโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาถือเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่ำ หากทำโดยแพทย์ผิวหนังผู้ชำนาญการด้านการฉีดฟิลเลอร์ อย่างไรก็ตาม อาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ ซึ่งมักเป็นเพียงอาการชั่วคราวและจะหายได้เองภายในไม่กี่วัน เช่น
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดสารเติมเต็มอยู่ตัวได้ดีและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำหลังการฉีดอย่างเคร่งครัด ดังนี้
การรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน มักเกิดจากการเลือกใช้สารเติมเต็มเนื้อแน่นเกินไป หรือฉีดในชั้นผิวที่ไม่เหมาะสม เช่น ฉีดตื้นเกินไปจนสารเติมเต็มสะสมอยู่ใกล้ผิว การฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ดังนั้น การเลือกทำหัตถการกับคลินิกที่มีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด เพราะหากเกิดปัญหา แพทย์สามารถใช้สารสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) เพื่อปรับแก้ได้โดยไม่ต้องขูดออก
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นิยมเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อเนียนละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง และไหลตัวดี เช่น Restylane Vital Light, Juvederm Volite หรือ e.p.t.q. S 100 ซึ่งเป็นกลุ่มสารเติมเต็มที่ออกแบบมาสำหรับการเติมเต็มบริเวณผิวที่บาง โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและร่องน้ำตา เพื่อให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน กลืนไปกับผิวโดยไม่เป็นก้อนหรือสะท้อนแสง
ในขณะเดียวกัน ในกลุ่มของผู้ที่มีปัญหาใต้ตาลึก ตาโหล ที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าเกิดจากการทรุดตัวของกระดูกและสูญเสียปริมาตรผิวค่อนข้างมาก แพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็ง คงรูปได้ดี เช่น Restylane Classic, Juvederm Voluma หรือ e.p.t.q. S 300 เพื่อฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก สร้างปริมาตรและการเติมเต็ม ก่อนเกลี่ยเก็บงานบนพื้นผิวให้เรียบเนียนและดูเป็นธรรมชาติ
การเติมเต็มร่องลึกหรือลดความหมองคล้ำใต้ตา สามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ได้แก่ โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์และการเติมไขมันใต้ตา ซึ่งแต่ละวิธีมีจุดเด่นและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ดังนี้
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นการใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้ามาฉีดบริเวณที่มีปัญหาเพื่อเติมเต็มร่องลึก ลดความหมองคล้ำ และปรับให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น โดยมีข้อดี ดังนี้
โดยฟิลเลอร์ใต้ตามีอายุการใช้งานประมาณ 9-18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ การดูแลหลังทำ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน อาจต้องมีการเติมซ้ำเมื่อเนื้อฟิลเลอร์เริ่มสลาย
การเติมไขมันใต้ตา เป็นวิธีที่นำไขมันจากร่างกายของผู้เข้ารับบริการ เช่น จากหน้าท้องหรือต้นขา มาปั่นแยกและกรองให้บริสุทธิ์ ก่อนฉีดกลับเข้าไปใต้ตาเพื่อเติมเต็มความลึกหรือร่องใต้ตา โดยมีจุดเด่น ดังนี้
อย่างไรก็ตาม การเติมไขมันต้องมีขั้นตอนดูดไขมันก่อน จึงต้องพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน และมีโอกาสเกิดอาการบวม ช้ำ หรือไขมันสลายบางส่วนได้ในช่วงแรก ดังนั้น การเลือกวิธีเติมเต็มใต้ตาที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ไลฟ์สไตล์ และเวลาพักฟื้นของแต่ละบุคคล ซึ่งการปรึกษาแพทย์จะช่วยวางแผนการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและน่าพึงพอใจ
บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีเส้นเลือดและโครงสร้างละเอียดอ่อน หากฉีดโดยผู้ที่ไม่มีความรู้เฉพาะทาง อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น บวม เขียวช้ำ หรือแม้แต่เส้นเลือดอุดตันได้ ทั้งนี้ คลินิกที่เหมาะสมสำหรับการเข้ารับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
แพทย์ควรมีใบประกอบวิชาชีพอย่างถูกต้อง และมีประสบการณ์ทำหัตถการในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์โดยตรง เพื่อการวิเคราะห์ปัญหาใบหน้าและวางแผนการฉีดที่แม่นยำ
โปรแกรมฟิลเลอร์ที่คลินิกใช้ควรสามารถตรวจสอบ Lot Number และ Serial Number ได้อย่างโปร่งใส เพื่อลดความเสี่ยงของผู้เข้ารับบริการ
คลินิกควรมีรีวิวภาพก่อน-หลัง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไว้วางใจและคุณภาพในการให้บริการ
ราคาของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจแตกต่างกันไปตามปริมาณที่ใช้ ยี่ห้อของฟิลเลอร์ และประสบการณ์ของแพทย์ผู้ทำหัตถการ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ประมาณ 9,900-18,000 บาท ต่อ 1 ซีซี ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าแต่ละเคสเหมาะกับปริมาณเท่าไร เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุลและดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ ราคายังขึ้นอยู่กับบริการหลังการทำ เช่น การติดตามผลหรือการแก้ไขในกรณีจำเป็น ซึ่งควรสอบถามกับคลินิกที่เลือกก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ เพื่อความชัดเจนและเข้าใจตรงกันในทุกขั้นตอน
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีส่วนช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง โดยควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้การรับบริการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นไปอย่างราบรื่น และให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ประสบการณ์ของผู้ที่เคยรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ส่วนใหญ่มักสะท้อนความเห็นว่าร่องลึกและความคล้ำใต้ตาลดลง ใบหน้าดูสดชื่นขึ้นโดยไม่ต้องแต่งหน้ากลบเหมือนเคย หลายคนยังกล่าวว่ารู้สึกมั่นใจขึ้นเมื่อต้องพบปะผู้คน หรือออกกล้องในชีวิตประจำวัน
ปริมาณของโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดใต้ตาจะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 0.5-1 ซีซี ต่อข้าง หรือ 1-2 ซีซี ทั้งสองข้าง ซึ่งแพทย์จะประเมินตามระดับร่องลึกและโครงสร้างใบหน้า เพื่อกำหนดปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ให้มากเกินไปจนเกิดการโป่งพอง หรือเห็นขอบชัดเจน
โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทของโปรแกรมฟิลเลอร์ที่ใช้ พฤติกรรมของผู้รับบริการ และระบบการเผาผลาญของร่างกาย โดยสารเติมเต็มที่เนื้อเบาจะสลายเร็วกว่าแบบเนื้อแน่น แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า ดังนั้น หลังทำหัตถการจึงควรกลับมาตรวจติดตามผลกับแพทย์เป็นระยะ เพื่อประเมินความเหมาะสมเพิ่มเติม
โปรแกรมฟิลเลอร์ใต้ตาที่ทำจากไฮยาลูรอนิก แอซิด สามารถสลายได้ 100% โดยไม่ต้องขูดออก แพทย์สามารถฉีดสารสลายฟิลเลอร์ Hyaluronidase ได้ในกรณีที่ฟิลเลอร์เกิดปัญหา เช่น เป็นก้อน อยู่ผิดตำแหน่ง หรือมีอาการบวมผิดปกติ
แม้ไม่อาจกล่าวได้ว่าจะไม่เกิดขึ้นเลย แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ หากทำหัตถการโดยแพทย์ที่เข้าใจโครงสร้างใบหน้า มีประสบการณ์ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานมาเป็นอย่างดี
รู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไปจะทาหรือฉีดยาชาก่อน และฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชาจึงช่วยลดความรู้สึกขณะทำ จึงแทบไม่รู้สึกเจ็บระหว่างการทำหัตถการ
หากคุณกำลังมีปัญหาใต้ตาลึก มีร่องน้ำตา ดูหย่อนคล้อย และไม่สดใส และต้องการหาวิธีเติมเต็มให้สมดุล แลดูอิ่มฟูขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลทันที โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด
ที่ La Ferly Clinic เราใส่ใจในทุกรายละเอียด ทั้งความปลอดภัย เทคนิคการฉีดเฉพาะบุคคล พร้อมการเลือกใช้ยี่ห้อและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากที่สุด โดยยินดีให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถนัดหมายล่วงหน้าเพื่อเข้ารับบริการได้ที่ La Ferly Clinic ทั้ง 6 สาขา ได้แก่ รังสิต สุทธิสาร บางนา ภูเก็ต อุดรธานี และขอนแก่น หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE: @laferlyclinic หรือ Website: www.laferlyclinic.com