ลดริ้วรอย แก้หน้าผากแบน ไม่มีมิติ ด้วยโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผาก

เมื่อเราอายุมากขึ้น หน้าผากมักเกิดริ้วรอยทั้งแบบตื้นและลึก อีกทั้งเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังยังค่อย ๆ ยุบตัวลง ส่งผลให้ใบหน้าผากดูแบนราบ ขาดมิติ และอาจทำให้คุณดูเหนื่อยล้าหรือแก่กว่าอายุจริง ด้วยเหตุนี้ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม เพราะช่วยเติมเต็มและเพิ่มมิติให้ใบหน้า ทำให้คุณกลับมาแลดูอ่อนเยาว์และสดใสได้อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านการผ่าตัดแต่อย่างใด

โปรแกรมเติมฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นการฉีดสารเติมเต็มพิเศษไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) ซึ่งพัฒนาให้เหมือนกับสารตามธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในร่างกายของเรา โดยฉีดเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลางถึงชั้นลึกที่บริเวณหน้าผาก จากนั้นแพทย์จะนวดเบา ๆ เพื่อให้สารกระจายตัวอย่างทั่วถึง ผลลัพธ์คือผิวหน้าที่ดูเรียบเนียน อ่อนเยาว์ และดูสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ดังนี้

  • ลดเลือนริ้วรอยบนหน้าผาก : โปรแกรมฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกหรือรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
  • เพิ่มปริมาตรให้หน้าผากที่แบนหรือบุ๋ม : เพื่อแก้ไขปัญหาหน้าผากแบนราบที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
  • ปรับรูปทรงหน้าผากให้สมดุล : ช่วยสร้างความสมดุลให้แก่ใบหน้า โดยเฉพาะในกรณีที่หน้าผากมีขนาดเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับส่วนอื่นของใบหน้า
  • เพิ่มความชุ่มชื้น : กรดไฮยาลูรอนิกช่วยดึงน้ำเข้าสู่ผิว ทำให้ผิวบริเวณหน้าผากดูชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี
  • ลดการปรากฏของเส้นเลือด : สำหรับผู้ที่มีผิวบาง อาจมองเห็นเส้นเลือดบริเวณหน้าผากชัดเจน การเติมฟิลเลอร์หน้าผากจะช่วยลดการมองเห็นเส้นเลือดเหล่านี้ได้
  • แก้ไขรอยหลุมบุ๋ม : ไม่ว่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือความเสื่อมตามวัย โปรแกรมฟิลเลอร์สามารถช่วยเติมเต็มรอยหลุมบุ๋มให้ดูสมดุลและละมุนขึ้นได้
  • เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้าโดยรวม : หน้าผากที่ดูเรียบเนียนและมีปริมาตรเหมาะสมจะช่วยให้รูปหน้าโดยรวมแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเหมาะสำหรับคนที่กังวลเกี่ยวกับรูปหน้าหรือริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีริ้วรอยหรือรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก ไม่ว่าจะเกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น การแสดงออกทางสีหน้าบ่อย ๆ หรือปัจจัยอื่น ๆ
  • ผู้ที่มีหน้าผากแบนหรือบุ๋ม อันเนื่องมาจากโครงสร้างกระดูกหรือการสูญเสียปริมาตรไขมันใต้ผิวหนัง
  • ผู้ที่น้ำหนักลดลงฉับพลัน การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้สูญเสียไขมันบริเวณใบหน้า รวมถึงหน้าผากได้
  • ผู้ที่ต้องการปรับปรุงภาพรวมของหน้าผาก เพื่อให้เข้ากับสัดส่วนของใบหน้ามากขึ้น
  • ผู้ที่มีรอยหลุมบุ๋มหรือรอยแผลเป็นบริเวณหน้าผาก ซึ่งอาจเกิดจากอุบัติเหตุหรือการผ่าตัด
  • ผู้ที่มีเส้นเลือดปรากฏชัดเจนบริเวณหน้าผาก เนื่องจากผิวบางหรือปัจจัยอื่น ๆ
  • บุคคลที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่านการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง

อย่างไรก็ตาม การเติมหน้าผากด้วยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์อาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะในกรณีต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบในสารเติมเต็มฟิลเลอร์
  • ผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • ผู้ที่ผิวหนังติดเชื้อบริเวณที่จะทำการรักษา
  • ผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ตัวเองรุนแรง

ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจเข้ารับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล

ปริมาณสารเติมเต็มฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดหน้าผากจะแตกต่างกันไปตามสภาพผิว และเป้าหมายของการรักษาแต่ละคน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้ปริมาณดังนี้

  • สำหรับแก้ไขริ้วรอยเล็กน้อย : ประมาณ 0.5-1 CC ต่อข้าง
  • สำหรับเพิ่มปริมาตรปานกลาง : ประมาณ 1-2 CC ต่อข้าง
  • สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนหรือหน้าผากที่บุ๋มมาก : อาจใช้ 2-3 CC ต่อข้าง

สิ่งสำคัญคือ แพทย์มักเลือกใช้เทคนิคการฉีดหน้าผากแบบ “น้อยแต่มาก” (Less Is More) โดยเริ่มจากปริมาณน้อยก่อนแล้วค่อย ๆ เพิ่ม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและป้องกันการเติมสารฟิลเลอร์มากเกินไป อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ต้องการเติมเต็มมากกว่าปกติ แพทย์อาจแนะนำให้แบ่งการรักษาเป็นหลายครั้ง ห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อค่อย ๆ สร้างปริมาตรและให้เนื้อเยื่อได้ปรับตัว ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

โปรแกรมฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามแต่ละช่วงเวลา ดังนี้

  • ผลลัพธ์หลังเสร็จสิ้น : หลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเสร็จสิ้น จะเห็นการเปลี่ยนแปลงบางส่วน โดยเฉพาะในแง่ของปริมาตรที่เพิ่มขึ้น และรอยบุ๋มที่ค่อย ๆ ลดเลือน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจยังไม่ชัดเจนนัก
  • 1-3 วันแรก : ในช่วงนี้ อาการบวมและรอยช้ำ (ถ้ามี) จะเริ่มลดลง ทำให้เห็นรูปร่างและปริมาตรของหน้าผากที่เปลี่ยนแปลงไปชัดเจนขึ้น
  • 4-7 วัน : หลังผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์ อาการบวมจะหายไปเกือบทั้งหมด ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น ในจุดนี้คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในแง่ของรูปร่าง ปริมาตร และการลดเลือนริ้วรอยได้อย่างชัดเจน
  • 2 สัปดาห์ : ช่วงเวลาที่โปรแกรมฟิลเลอร์เข้าที่ และกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ
  • 1 เดือน : หลังผ่านไป 1 เดือน โปรแกรมฟิลเลอร์จะรวมเข้ากับเนื้อเยื่อโดยสมบูรณ์ และอาจเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่ฉีด ทำให้ผิวดูยืดหยุ่นและเต่งตึงมากขึ้น

อย่างไรก็ดี ในบางกรณี แพทย์อาจนัดให้คุณกลับมาตรวจติดตามผลหลังการรักษาประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และพิจารณาว่าต้องเพิ่มปริมาณฟิลเลอร์หรือไม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

โดยทั่วไป โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเป็นหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตาม อาจเกิดความเสี่ยงที่คุณควรรู้และระวัง เช่น

ความเสี่ยงทั่วไป 

  • รอยช้ำและอาการบวม : เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย แต่โดยปกติจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์
  • การติดเชื้อ : มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก โดยเฉพาะเมื่อใช้เทคนิคปลอดเชื้อที่เหมาะสม
  • อาการคัน หรือผื่นแดง : อาจเกิดจากการแพ้หรือการตอบสนองของร่างกายต่อสารฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป
  • การเกิดก้อนหรือตุ่มนูน : บางครั้งอาจเกิดจากการเติมสารฟิลเลอร์ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือเป็นปฏิกิริยาของร่างกาย

ความเสี่ยงที่รุนแรงแต่พบได้น้อยมาก

  • การอุดตันของหลอดเลือด : หากสารเติมเต็มฟิลเลอร์เข้าไปในหลอดเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตันซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง และในกรณีที่รุนแรงมาก อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นหรือสมองได้
  • แผลเป็นหรือรอยนูน : อาจเกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายที่ต่อต้านสารเติมเต็ม หรือเทคนิคการฉีดที่ไม่เหมาะสม
  • ปฏิกิริยาการแพ้รุนแรง : แม้จะพบได้น้อยมาก แต่อาจเกิดปฏิกิริยาแพ้รุนแรงจากส่วนประกอบในสารเติมเต็มฟิลเลอร์ได้

หากคุณรู้สึกว่าเติมฟิลเลอร์แล้วหน้าผากนูนเกินไป หรือผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง สามารถแก้ไขได้หลายวิธีด้วยกัน 

1. นวดและปรับแต่ง

ในกรณีที่สารเติมเต็มกระจายตัวไม่สม่ำเสมอและนูนเล็กน้อย แพทย์อาจใช้เทคนิคการนวด วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด เมื่อสารฟิลเลอร์ยังมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งได้

2. ฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) 

สำหรับสารฟิลเลอร์ที่ทำจากกรดไฮยาลูรอนิก แพทย์สามารถฉีดเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดสเพื่อละลายสารเติมเต็มได้ โดยสามารถละลายได้ทั้งบางส่วนและทั้งหมด

  • การละลายบางส่วน : ฉีดเอนไซม์ในปริมาณน้อยเพื่อลดความนูนเพียงบางส่วน
  • การละลายทั้งหมด :  ในกรณีที่ผลลัพธ์การฉีดหน้าผากไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง สามารถละลายสารเติมเต็มทั้งหมดเพื่อฉีดใหม่ได้

3. รอให้สารเติมเต็มที่ฉีดเข้าไปสลายเอง

สารเติมเต็มกรดไฮยาลูรอนิกจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมและสลายไปตามธรรมชาติ โดยระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มนั้น ๆ 

  • บางประเภทอาจสลายใน 6-9 เดือน
  • ชนิดเข้มข้นอาจคงอยู่ได้นาน 12-18 เดือน

สำหรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ คุณควรใช้เวลาศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบคลินิกต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการดูแลโดยมืออาชีพที่ไว้วางใจได้

คลินิกที่เหมาะสมสำหรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ควรมีคุณสมบัติดังนี้

  • ให้บริการโดยแพทย์ด้านความงาม แพทย์ควรมีใบประกอบวิชาชีพและมีประสบการณ์ในโปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์โดยตรง เพื่อวิเคราะห์ปัญหาใบหน้าและวางแผนการฉีดได้อย่างแม่นยำ
  • มีการให้คำปรึกษาก่อนทำ คลินิกที่ดีควรมีการประเมินและให้คำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับปัญหาผิวของคุณ พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอน ข้อควรระวัง และผลลัพธ์ที่คาดหวัง
  • ใช้สารฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน สารเติมเต็มฟิลเลอร์ที่ใช้ควรผ่านการรับรองมาตรฐานและสามารถตรวจสอบหมายเลขกำกับผลิตภัณฑ์ได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ
  • มีอุปกรณ์และแผนรองรับกรณีฉุกเฉิน คลินิกควรมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตและยาที่จำเป็นหากเกิดภาวะแทรกซ้อน รวมถึงมีแผนการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเมื่อจำเป็น
  • มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง คลินิกควรมีภาพก่อน-หลังและรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพการให้บริการที่ดี

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากของเราออกแบบโดยคำนึงถึงความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปรับรูปหน้า โดยเรามีจุดเด่นดังนี้

1. ดำเนินการโดยแพทย์เท่านั้น 

 ทุกการรักษาดำเนินการโดยแพทย์ด้านความงาม และมีประสบการณ์การฉีดหน้าผากมาอย่างยาวนาน

2. ใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน

เราเลือกใช้เฉพาะสารเติมเต็มฟิลเลอร์คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย โดยสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้อย่างโปร่งใส

3. ประเมินและวางแผนเฉพาะบุคคล

ก่อนการฉีดหน้าผาก แพทย์จะวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าและความต้องการของคุณอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ

4. ใช้เทคนิคการฉีดที่ลดการเกิดรอยช้ำ

เราใช้เทคนิคการฉีดหน้าผากที่ลดการเกิดรอยช้ำ เช่น การใช้เข็มปลายทู่ (Cannula) ในบางตำแหน่ง และการฉีดแบบ 3 มิติ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

5. ดูแลหลังการรักษา

เรามีบริการติดตามผลและให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังการฉีด เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามคาดหวัง อยู่ได้นาน และไม่เกิดผลข้างเคียง

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากเจ็บมากไหม ? 

โดยทั่วไป การฉีดหน้าผากอาจเจ็บเล็กน้อย แต่ที่ La Ferly Clinic เราใช้ครีมชาเฉพาะที่ก่อนการฉีด และสารเติมเต็มฟิลเลอร์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของยาชาอยู่แล้ว ทำให้ผู้เข้ารับบริการส่วนมากรู้สึกถึงแรงกดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากกลับไปทำงานได้ทันทีเลยไหม ?

สามารถกลับไปทำงานได้ อย่างไรก็ดี หน้าผากอาจมีรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยซึ่งคุณสามารถใช้เครื่องสำอางปกปิดได้

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผากอยู่ได้นานแค่ไหน ? 

ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเติมเต็มที่ใช้ การดูแลตนเอง การใช้ชีวิตประจำวัน และระบบการเผาผลาญของแต่ละบุคคล

หากไม่พอใจผลลัพธ์ สามารถแก้ไขได้หรือไม่ ? 

สามารถแก้ไขได้ ด้วยการฉีดสลายสารเติมเต็มด้วยเอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) 

คนที่ผิวแพ้ง่าย ฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์หน้าผากได้หรือไม่ ?

สามารถฉีดได้ แต่ควรแจ้งประวัติการแพ้ให้แพทย์ทราบก่อน โดยแพทย์อาจทดสอบการแพ้ก่อนการฉีดจริง หรือเลือกใช้โปรแกรมฟิลเลอร์ที่มีโอกาสแพ้น้อยกว่า

ก่อนรับบริการโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

ควรงดการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน 7 วันก่อนการฉีด (หากไม่ได้เป็นยาที่แพทย์สั่ง) และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด

ที่ La Ferly Clinic เราให้ความสำคัญกับการสร้างความพึงพอใจให้ผู้เข้ารับบริการ เริ่มต้นด้วยการให้คำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อวิเคราะห์ความต้องการและนำเสนอแผนการรักษาที่เหมาะสม สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถนัดหมายล่วงหน้าได้ที่สาขาใกล้บ้านทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ รังสิต สุทธิสาร บางนา ภูเก็ต อุดรธานี และขอนแก่น หรือโทร 098-889-2999 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE: @laferlyclinic หรือ Website: www.laferlyclinic.com

ติดต่อ เรา

Call Now

098-889-2999

Facebook

La Ferly Clinic

YouTube

@LaFerlyClinic

Instagram

Laferlyclinic

OFFICIAL LINE:

@Laferlyclinic

TIKTOK

@laferlyclinic

Reviews

To top